บัตรเครดิตถือกำเนิดขึ้นครั้งแรก ปี ค.ศ. 1914 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยบริษัทเยอเนอรัลปิโตรเลียม คอร์เปเรชั่น ออฟแคลิฟอร์เนีย ซึ่งปัจจุบันคือบริษัท โมบิลออย จำกัด โดย ได้ทำบัตรดังกล่าวให้กับลูกค้าและ พนักงานในบริษัท ที่ได้รับการเลือกสรรแล้วเพื่อนำไปใช้ชำระค่าน้ำมัน โดยลักษณะของบัตรเครดิตนั้นจะไม่ได้เป็นบัตรเหมือนที่เห็นในปัจจุบันแต่จะเป็นเหรียญโลหะ ภายหลังได้มี บริษัทอเมริกันเอ็กซ์เพรส ออกบัตรเครดิตโดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวก ให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปต่างประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงการพกเงินสดเป็นจำนวนมาก ในส่วนของประเทศไทยได้มีการใช้งานบัตรเครดิตครั้งแรกในปี พ.ศ. 2512 ผู้ออกบัตรคือบริษัทไดเนอร์คลับ ประเทศไทยจำกัด แต่บัตรก็ไม่ได้รับความสนใจจากผู้ใช้งาน หลังจากนั้นก็มีธนาคารหลายแห่ง เริ่มออกบัตรเครดิต ในปี พ.ศ. 2515 โดยธนาคารกสิกรไทย จำกัด ได้ร่วมกับ ธนาคารศรีนคร จำกัด ออกบัตรชื่อว่าบัตรเครดิตอเนกประสงค์ ซึ่งถือว่าเป็นบัตรเครดิตแรกที่เป็นของตัวเองโดยธนาคารไทยเป็นผู้ออก
หลังจากนั้น พ.ศ. 2522 ธนาคารกสิกรไทย จำกัด ได้เข้ามาเป็นสมาชิกของวีซ่าอินเตอร์เนชั่นแนล และเป็นผู้ได้รับสิทธิ์ในการเป็นผู้แทนออกบัตรเครดิตวีซ่าในประเทศไทย ต่อมาจะพูดถึงการใช้งานบัตรเครดิตเพื่อผ่อนสินค้า 0% โดยส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจห้างสรรพสินค้าและร้านค้าจับมือกับทางสถาบันทางการเงิน ซึ่งหากเป็นสินค้าที่มีการผ่อนแบบเสียดอกเบี้ย สถาบันทางการเงินจะเป็นคนออกสินเชื่อสินค้านั้นก่อนและนำดอกเบี้ยที่ได้รับมาแบ่งสันปันส่วนกับห้างสรรพสินค้าที่ร่วมรายการ ที่ได้มีการจัดโปรผ่อน 0% ขึ้นมานั้น ก็เพื่อที่จะเป็นแรงจูงใจให้เกิดการซื้อ เป็นการเพิ่มยอดขายได้ทางหนึ่ง เช่นเดียวกันการผ่อน 0% สำหรับสินค้าที่มีระยะเวลาการผ่อน 6 – 12 เดือน ย่อมเป็นการการันตีไปแล้วว่าเราจะได้ใช้บัตรเครดิต โดยผู้ออกบัตรเครดิตคือคนที่มีกำไรในระยะยาวการใช้งานบัตรเครดิตมีด้วยกัน 3 ฝ่ายคือลูกค้าที่ได้สินค้าทันที ร้านค้าก็จะได้ค่าสินค้าจากบัตรเครดิตทันทีเช่นกัน
แต่สำหรับสถาบันการเงินผู้ออกบัตรนั้นจะต้องแบกภาระคนเดียวในการติดตามยอดชำระตามระยะเวลาที่กำหนด อีกทั้งยังต้องเสี่ยงต่อการเป็นหนี้ศูนย์แต่จุดสำคัญของเรื่องก็คือถ้าลูกค้าจ่ายเงินช้ากว่าที่กำหนดหรือเป็นการค้างชำระสถาบันทางการเงินจะเริ่มคิดดอกเบี้ยดอกเบี้ยนั้นอยู่ที่ 18% ต่อปี กลายเป็นว่าเราต้องจ่ายค่าสินค้าแพงขึ้นกว่าเดิม จากการสำรวจผู้ใช้งานบัตร 46% จ่ายล่าช้าหรือจ่ายไม่เต็มจำนวนจากพฤติกรรมผู้ใช้บัตรเครดิตพบว่ามีเพียง 54% ที่ชำระหนี้บัตรเครดิตตามกำหนดและเต็มจำนวนนั่นหมายความว่า 46% ที่เหลือชำระไม่ครบจำนวนหรือชำระไม่ตรงตามกำหนดและนี่ก็เป็นเหตุผลที่สถาบันทางการเงินพยายามทำโปรโมชั่นให้คนสนใจมาทำบัตรเครดิตเครดิตเพราะ ผู้ใช้งานจำนวนมากที่ชำระหนี้ขั้นต่ำหรือชำระช้าทำให้สถาบันการเงินมีรายได้จากดอกเบี้ยมากขึ้น นอกจากนี้ธนาคารจะมีข้อมูลการชำระหนี้บัตรเพื่อประกอบการอนุมัติสินเชื่ออื่น ๆ อีกด้วย